We are ready for “Go Inter(national)”, (The Myth of Asian Tiger Part II)
2002
เราพร้อมแล้วสำหรับ “โก อินเตอร์” (พยัคฆ์ร้ายแห่งเอเชีย ภาค ๒)
๒๕๔๕
สมัยนี้อะไรๆของไทยก็ล้วนแล้วแต่จะต้อง “โก อินเตอร์” กันทั้งนั้น หนังไทยก็ “โก อินเตอร์” สมุนไพรไทยก็ “โก อินเตอร์” ลูกทุ่งไทยก็ยัง “โก อินเตอร์” สำหรับในวงการศิลปะของไทยก็มีการพูดถึงการ “โก อินเตอร์” กันมากเหมือนกัน เดินทางไปแสดงงานเมืองนอกครั้งเดียวก็ถือว่า “โก อินเตอร์”แล้ว ฝรั่งมาแสดงงานในไทยด้วยก็ “โก อินเตอร์” อีกเหมือนกัน ครั้นผมจะต้องแสดงงานในโครงการร่วมระหว่างศิลปินไทยกับเยอรมัน คำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวสมองของผมก็คือ “โก อินเตอร์”
ผมจึงเกิดความคิดที่จะทำงานที่เป็นภาคสองของ พยัคฆ์ร้ายแห่งเอเชีย ขึ้นมา เพื่อติดตามดูว่า หลังจากการปรากฏตัวของเจ้าเสือร้ายในภาคแรก
๔ ปีต่อมาเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าเสือตัวนั้น
ตำนานเสือ
ปี ๒๕๔๐ เป็นปีที่ชาวไทยทุกคนควรจะจดจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันเป็นปีที่รัฐบาลของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประกาศให้เงินบาทลอยตัว และเศรษฐกิจฟองสบู่ที่ล่องลอยสวยงามดังมายาภาพก็แตกไป เผยให้เราได้เห็นภาพแห่งความจริงที่โหดร้าย
ในปลายปีเดียวกันนี้เอง ผมก็ได้ให้กำเนิดเสือร้ายขึ้นหนึ่งตัว มันทำด้วยยางพารา ร่างกายของมันอ่อนปวกเปียกไม่มีแรง คนต้องให้ความช่วยเหลือมันด้วยการบริจาคลมหายใจ ในปลายปีนั้นเอง ผมได้พาเจ้าเสือร้ายตัวนี้ไปปารีสด้วยกัน ชาวฝรั่งเศสและคนไทยหลายคนที่อาศัยอยู่ที่นั่นต่างก็มีเมตตาบริจาคลมหายใจให้มัน
ครั้นปี ๒๕๔๑ ผมได้จัดทำบันไดสเตนเลสให้เจ้าเสือร้ายตัวนี้ไต่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ร่างกายของมันยังไม่แข็งแรง คนก็ยังต้องให้ความช่วยเหลือมันอยู่เหมือนเดิม คราวนี้ผมได้ประกาศฉายามันขึ้นอย่างเป็นทางการว่า พยัคฆ์ร้ายแห่งเอเชีย
หลังจากการนำเจ้าเสือร้ายตัวนี้ออกโชว์ตัวที่หอศิลป์ตาดูในปี ๒๕๔๑ แล้ว มันก็ถูกผมทอดทิ้งให้ไปอยู่ในห้องเก็บของแถวมหาชัยเมืองใหม่อยู่หลายปี จนกระทั่งในปีนี้ (๒๕๔๕) ผมได้พามันออกโชว์ตัวอีกครั้ง แต่หนนี้เจ้าพยัคฆ์ร้ายของผม มันอยู่ในสภาพที่สุดจะเยียวยารักษา บันไดสเตนเลสที่มันเคยยืนอยู่เหนือสุดก็ว่างเปล่าเปรียบได้กับแท่นรับเหรียญรางวัลของนักกีฬา ที่ปราศจากผู้ชนะไม่มีคนขึ้นรับรางวัลใดๆ
ชายไทยไม่ทราบชื่อ
ในปี ๒๕๔๐ ก่อนที่เจ้าเสือร้ายจะเกิดมาดูโลก ผมได้ให้กำเนิดชายไทยไร้ชื่อ ๒ นาย ในงานที่ชื่อว่า วันวานอันแสนหวาน หลังจากการโชว์ตัวที่หอศิลป์ตาดูในปี ๒๕๔๑ ชายไทยสองนายนี้ได้แยกจากกัน คนแรกได้ดิบได้ดีไปอยู่กับนายฝรั่งที่สิงคโปร์ ส่วนคนที่สองยังอยู่กับผมที่เมืองไทย เป็นต้นแบบให้ผมทำแฝดสยามเป่าลมไปหลายคู่
เดิมทีชายไทยคนที่สองนี้มีร่างเป็นสีขาว เคลื่อนไหวได้ภายในกล่องแคบๆ เขาจะทำได้แค่เดินหน้าและถอยหลังซ้ำไปซ้ำมา แล้วผมก็นำเขาออกจากกล่องแคบนั้น เปลี่ยนสีของเขาให้เป็นทอง จับแต่งตัวด้วยเสื้อสูทตัวโต พร้อมที่จะ “โก อินเตอร์” กับเขาเสียที ส่วนเจ้าเสือตัวนั้นไม่สามารถจะไปไหนกับใครได้อีกแล้ว
หลับให้สบายเถิดนะเจ้าเสือเพื่อนยาก แกได้ทำหน้าที่เพื่อชาติอย่างดีที่สุดเท่าที่เสือตัวหนึ่งจะทำได้แล้ว
กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕